Category Archives: ข่าวสารและบทความ

ติดตั้ง facebook pixel เชื่อมต่อ wordpress

facebook pixel คือ code ที่นำไปแปะใน website

การจะทำโฆษณาที่มี facebook pixel เนี่ย เราต้องมี Website ก่อน

วิธีสร้าง Website   ” ลิงค์ ”

จุดเด่นของ facebook pixel

1.pixel จะไปจับว่า คนที่เข้ามาใน website ของเรามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง เข้าดูสินค้า เข้ามากดสั่งซื้อ เข้ามากรอกฟอร์ม เป็นต้น

ข้อดีคือ ทำให้ Facebook  ทำโฆษณาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น คุณเลือก conversion แบบ Purchase ทาง Facebook ก็จะเข้าใจทันทีว่า ให้ยิงโฆษณาไปหาคนที่มีพฤติกรรมกดสั่งซื้อแบบนี้

2. เราสามารถทำโฆษณากลับไปหาคนที่มีพฤติกรรม แบบนั้นได้อีก เช่น คนที่เข้ามาดู website คนที่กรอกฟอร์ม เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อ

 

แคมเปญ Conversion ประกอบด้วยปัจจัยหลัก 2 อย่างคือ

  • website
  • Pixel

ขั้นตอนการสร้าง facebook Pixel

ขั้นตอนที่ 1 เปิดหน้า facebook  เลือกตัวจัดการโฆษณา

 

ขั้นตอนที่ 2 เลือก 2 ขีด (ตามภาพ ) > เลือกตัวจัดการเหตุการณ์

ขั้นตอนที่ 3 กดเชื่อมต่อแหล่งข้อมูล

 

ขั้นตอนที่ 4  ระบบจะถามว่าต้องการเชื่อมต่อแบบไหน  ให้กดเลือก Web

ขั้้นตอนที่ 5 กดเลือก pixel ของ Facebook  > กดเชื่อมต่อ

 

 

ขั้นตอนที่ 6  ตั้งชื่อ pixel  > ตั้งชื่อ pixel ที่คุณต้องการ > ใส่ URL website

 

ฝั่ง facebook ขั้นตอนการสร้าง pixel เสร็จเรียบร้อยแล้ว

มาดูในส่วนของ Website กันบ้าง

 

ขั้นตอนที่ 1 ไปที่ตัวจัดการ website > Add New

 

ขั้นตอนที่ 2 กด install  pixel

 

ขั้นตอนที่ 3  นำ pixel ID มาวางไว้ที่ website > กด Save

หลังจากนั้น ก็ดำเนินการตั้งค่าเหตุการณ์ได้เลย ว่าต้องการให้ facebook บันทึก event อะไรบ้าง เช่น บันทึกเหตุการณ์สั่งซื้อ กรณีมีคนกดปุ่มหน้า web เพื่อสั่งซื้อ

 

ตั้งค่า แคมเปญ Conversion

  • กดสร้าง แคมเปญ เลือก Conversion
  • เลือก Website
  • เลือกเหตุการณ์ที่ต้องการ

 

สร้าง pixel เชื่อมต่อเซลล์เพจ

facebook Pixel สร้างไว้เพื่อเก็บข้อมูลคนที่เข้ามาใน Sale page ของเรา แล้วทำแอดโฆษณาต่อไปได้ 

วิธีการสร้าง

  1. เข้าไปที่ หน้าเพจ facebook เลือกตัวจัดการธุรกิจ

 

2.เลือกการตั้งค่าธุรกิจ (รูปฟันเฟือง )  > เลือกที่มาของข้อมูล

 

3. กดเลือก ” พิกเซล ” > กดเพิ่ม

4. ตั้งชื่อ pixel ตามสินค้า หรือ ร้านค้า ของเรา  > กด ดำเนินการต่อ

5. เลือกจัดการธุรกิจของฉัน

 

6. คัดลอก ID Pixel

 

7. นำ ID pixel ไปวางทีหน้า Sale page >> กดบันทึก

 

8. พิกเซล พร้อมใช้งานจะขึ้นโชว์สีเขียว   จากนั้นให้ดำเนินการเพิ่มผู้คน และ เพิ่มสินทรัพย์ (บัญชีโฆษณา)

 

วิธีการดูเหตุการณ์

 

เมื่อมีวคนเข้าดู Sale Page ก็จะมีเหตุการณ์ที่ตั้งค่าไว้ เกิดขึ้น สามารถนำมายิงโฆษณาต่อได้

 

วิธีการสร้าง Sale page

แอดแพง ยิง conversion ดีกว่า ?

ช่วงนี้ แอดราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เราควรจะยิงแคมเปญ conversion ดีหรือไม่?

และแคมเปญคอนเวอร์ชั่นแตกต่างจากแคมเปญอื่นๆอย่างไร?

 

นักยิงแอด ทราบกันดีอยู่แล้ว ทั้งมือใหม่ มือกลาง มือเก๋า ว่าแอดราคาสูง และไม่มีโอกาศที่ราคายิงแอดจะถูกลงอีกต่อไป และหลายคนคงตั้งถามว่า เอ้!! เราควรจะยิงควรมายิงแอดแบบ conversion ดีกว่าใหม่ ? 

  • หลายคนไม่ทราบว่า แคมเปญ conversion คืออะไร ?
  • แคมเปญ conversion ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?

 

การยิงโฆษณาของ Facebook โฆษณาจะมีอยู่ทั้งหมด 11 แคมเปญ (ตามภาพ)

 

conversion เป็นโฆษณาที่ดึงคนซื้อเข้ามาหาเราหรือคนที่ต้องการผลลัพธ์ตามตำแหน่งต่างๆตามปลายทางให้เราโดยเขาจะสามารถเจาะคนหรือว่าเลือกคนที่ตรงหรือใกล้เคียงที่สุดกับคนที่เราอยากได้มาให้ 

ทำไมจึงบอกว่ามันตรงใกล้เคียงมากที่สุด ! แคมเปญ Facebook หรืออธิบายเพิ่มเติมคือ ผลลัพธ์ที่เราอยากได้

 

Facebook จะแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ 

หมวดหมู่แรกคือ การรับรู้

เพื่อนำแอดของเราไปนำส่งเยอะๆ

  • การรับรู้แบรนด์  แอดโฆษณาจะไล่จี้คุณคนเดิมซ้ำๆ บ่อยๆ ในราคาที่ถูก เหมาะกับสินค้าและธุรกิจที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
  • การเข้าถึง การรับรู้ที่เป็นการเข้าถึงจะนับตามจำนวนหัว โฆษณาจะถูกส่งเยอะๆ  การเข้าถึงจะนับจำนวนคนเยอะ ค่า Reach จะถูกมาก

 

หมวดหมู่ที่ 2 คือ การพิจารณา

  • จำนวนผู้เข้าชม  หากต้องการคนเข้าชม website เลือกแคมเปญจำนวนผู้เข้าชม ปลายทางเป็น website  หรือ อยากได้ผู้เข้ามาใช้งานในแอพของเราหรือเข้ามาใน messager ของเราก็ใช้การรับชมได้เหมือนกัน จะส่งให้คนเข้ามาที่ปลายทางมากขึ้นโดยพิจารณาจากปุ่มที่เราเพิ่ม   ปุ่มจะคัดเลือกคนที่มีพฤติกรรม หรือ มีกิจกรรมแบบนั้นล่าสุด
  • การมีส่วนร่วม    แคมเปญนี้ ณ ตอนนี้ อาจจะถูกลดความสนใจลงเพราะว่าเวลาเราลงโพสต์ไป แล้วเราอยากให้คนมามีส่วนร่วมกับโพสเราคือ comment Like Share ควรยิงแอดการมีส่วนร่วม   การมีส่วนร่วมเนี่ยจะเหมาะกับการลงโพสต์ไปหน้าฟีด หน้าไทม์ไลน์ แล้วให้คนเข้ามาอะไรคะที่ comment Like Share คนเข้ามาในโพสของเราที่แม่นยำกว่าการรับรู้
  • การรับชมวีดีโอ    มุ่งเน้นหาคนดูวีดีโอ  ไลฟ์สด หรือวิดีโอรีวิว  แล้วอยากให้คนมาดู เพื่อให้เขาเห็นแล้วเสพ content เรา แคมเปญตัวนี้มันจะจะเหมาะสำหรับให้คนมาดูวีดีโอนานๆ
  • การรวมรวมข้อมูลูกค้า facebook จะบังคับให้กรอกแบบฟอร์ม ชื่อ  ที่อยู่  อีเมล์  เบอร์โทร เป็นต้น เหมาะสำหรับโฆษณาขายบ้าน fitness spa  สามารถนำข้อมูลต่างๆ ติดตามลูกค้าเพื่อปิดการขาย
  • ข้อความ แคมเปญข้อความจะเพิ่มคนทักแชทมาให้มากที่สุดเป็นข้อความใน AI ของ facebook จะไป inbox หาคนที่เคย inbox ในราคาประมูลที่ถูก

 

 

หมวดหมู่ที่ 3 คอนเวอร์ชั่น

  • คอนเวอร์ชั่น จะได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ เนื่องจาก Pixel จะเป็นตัวเก็บรายละเอียดพฤติกรรมลูกค้า  พิกเซลคือโค้ดที่เราสร้างจาก facebook แล้วก็เอาไปติดตั้งบนเว็บไซต์ซึ่งเว็บไซต์จะมีหลายเพจ หรือ หลายหน้า หากมีคนเข้า website จะเกิด page view  และหากกดไปดูหน้าอื่นๆอีก จะเกิดเป็น View Content  และลูกค้าจากเคมเปญคอนเวอร์ชั่นมีแนวโน้มที่จะทำการซื้อ หรือเพิ่มข้อมูลการชำระเงินบนเว๊ปไซค์ apps หรือ Massager

ตัวอย่าง การเลือกเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่น

 

ซึ่ง Pixel เราจะไปติดที่หน้า Website หรือ Sale page เรา เราถึงจะมีให้ใช้งาน เหตุการณ์ที่แม่นยำคือคนที่ซื้อ

โฆษณาคอนเวอร์ชั่นจะทำให้คุณสามารถ

  1. เพิ่มยอดขาย
  2. กระตุ้นการดำเนินการ
  3. เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม Website

 

 

 

 

  • เนี่ยเราจะมีหน้าตาต่างๆก็เรียกว่าใช่ไหมคะแต่หน้าต่างอย่างมันจะไม่เหมือนกันว่าคุณเคยเข้าไปที่ลาซาด้าก็ได้ถึงเงียบอะไรก็ได้หน้าแรกเขาเรียกว่าหน้าเราเข้าไปปุ๊บมันจะเรียกว่าผิวและคุณไปถึงหน้าตาหน้าบ้านของเขาแล้วนะแต่ถ้าเขากดเข้าไปดูนะนี่ตามหน้าต่างๆของเว็บไซต์ค่ะเขาเรียกว่ามีคนเห็นสินค้าเข้าตะกร้าคุณธรรมการจ่ายเงินคุณก็จะถูกบันทึกกิจกรรมพวกนี้ค่ะตอนนี้จะมีความละเอียดอ่อนในการกองลูกค้าให้เรามากขึ้นบางคนบอกว่าหนูยิ้มหนูแพงมากเลยค่ะ conversion นิยามของมันนะคะการแสดงโฆษณาของคุณต่อผู้ที่ที่จะดำเนินการมีคุณค่าเช่นทำการซื้อหรือเพิ่มข้อมูลการชำระเงินบนเว็บไซต์ App หรือ Messenger

เหตุการณ์ (Event ) จะต้องเกิด 50 เหตุการณ์ ที่เราเป็นต้นแบบ นำไปใช้ได้

 

ขั้นตอนการติด pixel

  1. สร้าง Pixel บน Facebook ก่อนให้เรียบร้อย 
  2. นำ Pixel code ไปติดที่เซลล์เพจ
  3. วัดผลคอนเวอร์ชั่น ด้วย pixel ของ Facebook
  4. สร้างแคมเปญที่มีวัตถุประสงค์ conversion
  5. เลือกเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่นให้เหมาะสมกับชุดโฆษณา

 

ต้นทุนการซื้อถูกกว่า อัตราการตอบกลับจะดีกว่า

  1. เข้าไปที่หน้าตัวจัดการโฆษณานะคะแล้วมันจะมีคำว่าแหล่งที่มาของผู้คนไปดูในช่อง YouTube ก็ได้สอนวิธีการสร้าง Pixel เรียบร้อยนะคะจากนั้นเราจะต้องเอาไปฝังบนเว็บไซต์หรืออีเมล์ผิดของเราอย่างเช่นของจีนจึงจะรองรับการติดด้วย ID นั่นแหละคำว่าคุณไม่ต้องใช้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องมีโปรแกรมเมอร์จะพูดอยู่เนี่ยลองแตะตรงได้เลยกดเซฟติดตั้งเสร็จเรียบร้อยนะคะมันจะเป็นแบบนี้นะคะทุกคนคือการติดตั้งแล้วแต่นะแต่ถ้าใครเขียนเว็บไซต์มีเว็บไซต์อย่างนี้ต้องให้โปรแกรมเมอร์ฝากมันจะมีแต่ละหน้าด้วยแยกใส่ ID ปุ๊บเนี่ยสั่งได้เลยนะคะเรียบร้อยที่นี้พวกเราจะต้องมาใช้ตัวนี้คือคนดีทุกวันเห็นมุมจอของจริงไหมคะที่มันจะมีคำว่า Facebook Pixel helper 37 เนี่ยมันจะขึ้นว่าเราฝากเรียบร้อยแล้วนะมันขึ้นสีเขียวจากนั้นเนี่ยเราก็ต้องเอาคนเข้ามาทุกวันเห็นไหมเนี่ยมันเลวใช่ไหมเราเช็คเหตุการณ์ว่าเรียบร้อยตรงจากตรงนี้เราจะต้องนำพาคนเนี่ยเข้าไปที่เว็บไซต์หรือเซลล์ผิวของเราก่อนซึ่งวิธีพาคนเข้าไปเนี่ยมันมีหลากหลายวิธีมากอาจจะทำขึ้นมาขึ้นมาเอามาเช็ดตัวเองเดี๋ยวเขาเข้าไปแล้วหรือบางคนลูกค้าซื้อเบ็ดใน Inbox ของตัวเองจะเอาลิงค์หน้าของคุณหรือเขาเรียกว่าน่าซื้อเสียงให้ลูกค้าโดยตรงก็ได้มันบอกว่าทำไม่ได้ลูกค้าต้องกดเองฉะนั้นอย่าการมี Pixel เรามาดูต้นทุนการซื้อเนี่ยมันจะราคาถูกกว่าจะเป็นข้อความนั้นอัตราการตอบกลับเหมือนจะดีกว่านานเท่านานนะเวลาเรายิงแอดนะคะเรียบร้อยแล้วเขาก็จะบอกว่าเราเนี่ยต้องมีเรื่องจำเป็น conversion นะเนี่ยเราก็ต้องเลือก Pixel Pixel ที่มันจะเขียวขึ้นมาเลยถ้ามีคนเดินทางไปยังเว็บไซต์หรือเพจเราฉะนั้นเบื้องต้นเลยเนี่ยคุณต้องไปจ้างเสียหรือสร้างเว็บไซต์เสร็จก่อนจากนั้นมาสร้าง Pixel นะมาเอาก็เอาเซลล์เขตหรือเว็บไซต์ของคุณนะคะมาแชร์ให้คนเข้าถือให้คนกดเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่คุณอยากให้เขาเข้าไปซื้อบน Inbox ของเราเนี่ยเราก็เอาหน้าที่ผมบอกว่าเขาซื้อแล้วเนี่ยให้เขามาอยู่รวมกันจังนะเนี่ย Facebook จะเอาข้อมูลเขาค่ะทุกคนมาประมวลเป็นผู้บอกว่าผลลัพธ์จะดีนะว่าอนาคตจะมียอดซื้อแบบเปรียบเทียบกันแดดเนี่ยนะคะถ้าไปไหนแล้วได้คนที่มีแนวโน้มจะซื้อมากเลยว่าสั้นเพราะมันมีข้อมูลระดับ Pixel เลยรู้เลยว่าหน้าคนนี้ใกล้เคียงกับคนซื้อหรือเปล่ามีโอกาสซื้อเราหรือเปล่าถ้าไม่ซื้อจะยังไม่ส่งแล้วถ้ามีโอกาสแล้วใกล้เคียงกับคนที่ซื้อจะส่งบ่อยๆเราจะเคยได้ทั้งต้นทุนที่ถูกแล้วยอดขายที่อะไรคะถ้าอยากเข้าถึงคนที่มีแนวโน้มการซื้อนะคะเป็น Collection ความรู้จะอธิบายแบบเร็วหรือแบบอะไรเนี่ยนะคะก็ฟังได้ไม่มีลบนะจ๊ะเห็นของจริงนะถ้าใช้ใครที่แบบว่าเป็นประจำแล้วอยากได้อะไรก็กดไปที่ลิงค์ได้เลยนะคะขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะวันนี้จะไปแล้วนะคะขอให้ทุกคนมียอดขายเพิ่มขึ้น

ตั้งค่าเพจ Facebook ปิดกั้นคู่แข่ง & ปิดกั้นคู่แข็งเข้ามาส่องโฆษณาเรา

ต้องบอกว่า Facebook ฉลาดมาก เวลาลูกค้าสนใจสินค้าอะไร ระบบก็นำสินค้าที่มีลักษณะเดียวกัน เอามาให้ลูกค้าดูเป็นตัวเลือก ในมุมมองของลูกค้าในนั้นก็ว่าดี  แต่ในมุมมองของคนทำธุรกิจ ก็ถือว่าหายนะ เพราะว่าถ้าเกิดว่าเราขายเสื้อผ้าแฟชั่นเหมือนกัน  ลูกค้ากำลังดูโฆษณาของเพจเราอยู่  ระบบก็จะนำเพจของคู่แข่งที่มีระดับราคา  และสินค้าที่ใกล้เคียงกันเอามาให้ลูกค้าดู  พอลูกค้าเห็นตัวเปรียบเทียบ ตอนที่เห็นราคาถูกกว่าเขาก็ไป  พอดีเห็นของน่าสนใจกว่าเขาจะไป  บางทีเห็นรูปเดียวกันแล้วเขาก็จะเกิดความสับสนร้านไหนดี ร้านไหนของดี ร้านไหนถูกใจ   พอเขาต้องเลือกสรุปไม่ซื้อสักร้าน ไม่เป็นผลดีกับใครเลย ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีในการตั้งค่าไม่ให้ Algorithm ตัวนี้ทำงาน

วิธีที่1 : วิธีการตั้งค่าเพจ ปิดกั้นคู่แข่ง ดังนี้

1. ไปที่หน้าจัดการเพจ >> เลือกเมนูการตั้งค่า

 

 

2. ขวามือเลือก>> การแนะนำเพจที่คล้ายกัน

  • ติกถูกออก
  • กดบันทึกการเปลี่ยนแปลง

 

 

ค่ามาตรฐานเริ่มต้น ระบบจะติกถูกไว้ให้ก่อน เป็นการรวมเพจ ในการแนะนำเพจที่คล้ายกัน

ลองเอาเม้าส์ไปชี้ที่รูป [ ?]   Facebook จะอธิบายว่า  ” เราอาจแนะนำเพจของคุณให้กับคนที่เข้าไปเยี่ยมชมเพจอื่นๆ ที่คล้ายกับเพจของคุณ และเราก็จะแนะนำเพจเหล่านั้นบนเพจของคุณด้วย ”

ประเด็นที่น่ากังวลคือ ระบบจะแนะนำเพจอื่นๆ มาเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าด้วย กรณีที่ลูกค้าเข้ามาดูเพจเรา สนใจสินค้าของเรา ในประเภทสินค้าและบริการเหมือนกัน หรือ คล้ายคลึงกัน รวมถึง ราคา หรือ โปรโมชั้น ที่เหมือนกัน หรือ คล้ายคลึงกัน

สิ่งที่ผู้ขายต้องการคือ เราต้องการยิงโฆษณาไปหาลูกค้า โดยที่ Algorithm ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว เวลาเรายิงโฆษณาลูกค้าต้องเห็น Content และสินค้าของเราเท่านั้น การที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือไม่ จะเป็นการติดสินใจระหว่างลูกค้ากับ โพสของเรา คอนเทนต์ของเรา คู่แข่งไม่ต้องเข้ามานำเสนอเป็นตัวเปรียบเทียบ

ดั้งนั้น การติกถูกออกในหัวข้อ การแนะนำเพจที่คล้ายกัน แล้วกดบันทึก (ตามรูปภาพด้านบน) ทุกอย่างจบ ไม่มีการแนะนำ ฟังก์ชั่นตัวนี้ ก็จะหยุดทำงานจากเพจเราทันที

หมดปัญหาคล้ายกังวลว่า คู่แข่งจะยิงโพสโฆษณาตัดราคาเราอีกต่อไป

 

วิธีที่ 2 เทคนิคการกรองคู่แข่ง เพื่อไม่ให้คู่แข่งเห็นโฆษณาเราใน Facebook Ads

 

  1. เข้าไปที่หน้า Page Facebook กดเลือก ตัวจัดการโฆษณา

 

 

2. กดสร้างโฆษณา

 

เวลาเราจะสร้าง โฆษณา 1 เคมเปญ เราต้องเลือกวัตถุประสงค์เคมเปญ 1 ตัวเลือก ขัันตอนต่อไปใส่งบ สำหรับยิงโฆษณา เป็นขั้นตอนปกติ ของการตั้งค่าแคมเปญ และการตั้งค่าวัตถุประสงค์

 

3.เข้ามาสู่ในหน้าชุดโฆษณา  มากำหนดหัวข้อ ตัวกรองกลุ่มเป้าหมาย โดยเลือก” ไม่รวม ผู้ดูแลเพจ  ”  เลือก ไม่รวมผู้ดูแลเพจ ประเภทธุรกิจ หรือ หมวดหมู่ธุรกิจเดียวกับเรา หรือหากไม่มีเฉพาะเจาะจง ก็ต้องวิเคราะห์และตัดสินใจดูว่า หากเลือก “ไม่รวมผู้ดูแลเพจ Facebook ทั้งหมด จะอยู่ในหมวดหมู่กลุ่มลูกค้าของเราหรือไม่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็สามารถเลือกได้เลย แต่ถ้ากระทบ ทางเราก็ไม่แนะนำให้เลือก

 

 

ตัวอย่างเช่น : ทางเราทำธุรกิจเปิดร้านอาหาร  การที่จะตั้งค่าตัวกรองไม่ให้ คู่แข่งร้านอาหารอื่นเห็นเพจเรา และดำเนินการตัดราคา หรือ เสนอโปรโมชั่นที่ดีกว่า หรือ Copy คอนเทนด์ของเรา ก็สามารถกรองโดยการ เลือก ไม่รวมผู้ดูแลเพจอาหารและร้านอาหาร เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคู่แข่ง มากกว่าเป็นจะลูกค้าของร้านอาหารเรา

สรุปได้ก็คือ หลังตั้งค่า ไม่รวมผู้ดูแลเพจ ธุรกิจประเภทเดียวกันแล้ว แอดจะวิ่งไปหาลูกค้าที่กำลังสนใจเกี่ยวกับร้านอาหาร  แอดจะไม่วิ่งไปหาผู้ดูแลเพจร้านอาหาร ผู้ดูแลเพจร้านอาหารไม่เห็นแอดของเรา  เป็นวิฺธีการกรองคู่แข่งออกไปได้ง่ายๆเลย

ออกแบบ website ด้วย WordPress มีวิธีใช้เป็นอย่างไรมาดูกัน

ดีไซค์เว็บไซต์ด้วย wordpress

ถ้าคุณอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง WordPress ช่วยลดความยุ่งยากและทำให้ความฝันของคุณเป็นจริงง่ายดายขึ้นในต้นทุนที่ประหยัด และสามารถออกแบบหน้าเว็บของคุณเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอิสระ แถมคุณยังสามารถตามเทรนโลกทันหรืออาจนำเทรนได้ด้วย SEO

บอกเลยว่า WordPress นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสามารถแสดงความเป็นตัวเองและนำธุรกิจมาต่อยอดให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ง่ายดายขึ้น ถ้าคุณกำลังสนใจ WordPress อยู่อยากรู้ว่าคืออะไรและมีวิธีใช้อย่างไรบ้างมาเริ่มล้วงลึกเครื่องมือทำมาหากินตัวใหม่ตัวนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า

 

ความรุ่งพุ่งแรงของ WordPress

เราจะลองยกตัวเลข 75 ล้านขึ้นมาให้คุณได้นั่งมองกันแล้วตั้งคำถามว่าเป็นจำนวนที่เยอะหรือไม่ ซึ่งถ้าคุณคิดว่าเยอะนั่นคือตัวเลขของเว็บไซต์ทั้งหมดที่กำลังเลือกใช้ WordPress กันอยู่ โดยตีสัดส่วนเป็นเลขกลม ๆ ก็อยู่ในสัดส่วน 30% ของเว็บไซต์ทั่วโลก จริงอยู่ว่าอาจยังไม่ถึงครึ่งแต่ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเพิ่มขึ้นมาเยอะขนาดนี้คงไม่ต้องบอกเลยว่า WordPress ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานมากแค่ไหน

 

ออกแบบ website ด้วย wordpress

 

 

แล้วคุณจะเริ่มต้นกับ WordPress ได้อย่างไร ?

หลายคนมักถามว่ากันว่าแล้ว WordPress มีวิธีใช้อย่างไรบ้างมีสอนหรือไม่รวมทั้งฟรีมั้ยวันนี้เราเตรียมคำตอบมาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว

1. WordPress มีวิธีใช้อย่างไร
หลังจากสมัครและติดตั้ง WordPress เรียบร้อยแล้วคุณสามารถเริ่มใช้งานด้วยการพิมพ์ ‘/wp-admin’ ที่หลัง URL ของคุณและก็จะเจอกับระบบหลังบ้าน WordPress ของคุณกันแล้ว จากนั้นก็เริ่มตั้งค่าระบบ General Setting ตามมาด้วยส่วน Reading, Writing, Discussion และเริ่มสร้างเรื่องราวกระจายข้อมูลของคุณใน WordPress กันได้เลย

 

2. มีการสอนใช้ WordPress หรือไม่
คำตอบคือมีและมีเยอะอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นส่วนของวิธีการใช้งาน เทคนิคการใช้เพื่อให้ WordPress ของคุณใช้งานได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการแนะนำ WordPress Theme และ Plugin และมีหลาย ๆ แหล่งข้อมูลที่เป็นเหมือนการอัพเดตข้อมูลข่าวสารในการทำ WordPress เพื่อให้คุณตามเทรนให้ทันกันอีกด้วย ขอบอกเลยว่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ WordPress เหมือนได้เพื่อนใหม่ ๆ เพียบเลยทีเดียว

 

3. WordPress ใช้ฟรีหรือไม่
“ฟรี” นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีของหลาย ๆ คนและหลาย ๆ ธุรกิจเพราะเรื่องของต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องให้ความสนใจ ดังนั้นการมีแพลตฟอร์มให้คุณได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายแบบฟรี ๆ ในแบบที่เป็นตัวเองมากที่สุดแบบนี้คือความคุ้มค่าที่คุณไม่ควรพลาด แต่ถ้าคุณต้องการขยายขอบเขตของ WordPress ขึ้นให้อิสระและเป็นตัวเองมากขึ้นก็สามารถซื้อส่วนต่าง ๆ อัพเกรดเพิ่งขึ้นได้

การทำงานของ WordPress เป็นอย่างไร ?

1. ให้คุณได้ใช้งานอย่างอิสระ
ยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่เหมาะสมจะมาอยู่บน WordPress ก็อย่างเช่น เว็บไซต์บริษัทและธุรกิจต่าง ๆ เว็บขายของออนไลน์บรรดา E-commerce เว็บไซต์ข่าว เว็บเรียนออนไลน์ เว็บไซต์ส่งต่ออสังหาริมทรัพย์ เว็บไซต์แนวสร้างสรรค์และงานศิลปะต่าง ๆ เว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อเป็น Blog หรือแนะนำผลงานขอคุณเอง

 

2. ระบบหลังบ้านดูแลง่ายมาก
ลืมความซับซ้อนของการทำเว็บไซต์แบบเดิม ๆ ไปได้เลยเพราะเมื่อคุณใช้ WordPress ต่อให้เป็นคนที่ไม่ชำนาญด้านนี้ก็ยังสามารถมีเว็บไซต์ดี ๆ เป็นของตัวเองกันได้ แค่หมั่นเช็คเรื่องของ Hosting, Plugin, Backup ข้อมูลและอัพเดต Theme เสมอและสุดท้ายอย่าลืมคอยตรวจ Speed และหัวใจสำคัญอย่าง SEO

 

3. คุณสามารถเป็นเจ้าของสิ่งนี้ได้ 100%
คุณสามารถปรับแต่งทุกอย่างได้อย่างอิสระแถมยังมีรายละเอียดยิบย่อยให้คุณแต่งได้ตามใจในเมนูอย่าง Customize กันอีกด้วย อะไรที่คุณต้องการและวาดฝันไว้เกี่ยวกับเว็บไซต์บอกเลยว่าใน WordPress แทบไม่มีข้อจำกัดอะไรให้คุณเลย ยกเว้นคุณอยากอัพเกรดเป็นแบบ Premium เพื่อเข้าถึงมากขึ้นก็อาจต้องมีค่าใช้จ่ายแค่รับรองว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน

 

สรุปว่าควรเลือก WordPress หรือไม่ ?

นี่คือแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้คุณได้มีเว็บไซต์แบบง่าย ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายเหมาะมากสำหรับการเริ่มต้นหรือต่อยอดของหลาย ๆ ธุรกิจ และ WordPress ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยยังไม่มีท่าทีจะหยุด คุณจะได้มากว่าแค่เว็บไซต์เมื่อเข้ามาทำ WordPress เพราะทั้งเทคนิคใหม่ ๆ กลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น และเพื่อนร่วม WordPress ที่คอยแชร์ข้อมูล นอกจากนี้คุณยังจะทันเทรนและรู้ทัน SEO มากยิ่งขึ้นทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดในการทำธุรกิจในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ให้กับคุณได้อีกด้วย สรุปก็คือถ้าคุณเป็นนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการสื่อสารตัวเองออกมาควรอย่างยิ่งที่จะเข้ามาใช้ WordPress เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารให้กับคุณ

 

 

WordPress นั้นเป็นเหมือนประตูบานใหม่ที่จะช่วยเปิดทางให้คุณได้ไปยังหลาย ๆ ที่และน่าจะเป็นหนทางใหม่ ๆ ในการเดินทางบนโลกธุรกิจออนไลน์กันอีกด้วย ด้วยการใช้งานที่ง่ายดายและมีวิธีใช้รวมทั้งเทคนิคมากมายให้คุณได้ทดลองบนโลกออนไลน์เราจึงอยากให้คุณลองเปิดใจและศึกษาการทำ WordPress กันให้มากขึ้น เพราะในอนาคตทั้ง Plugin และ Theme รวมทั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อต่าง ๆ ของแพลตฟอร์มนี้ดูเหมือนจะได้รับการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ และยังเปิดโอกาสให้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากันด้วย เพราะในตอนนี้ทั้ง Theme และ Plugin ก็เปิดโอกาสให้คนที่มีความชำนาญเข้ามาร่วมกันพัฒนาเพื่อให้สมาชิก WordPress ได้นำไปใช้งานอีกด้วย ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่คุณควรจะพลาดการใช้งาน WordPress

สร้างเว็บ WordPress ต้องรู้สิ่งนี้

สำหรับ WordPress นั้นเป็นเทรนด์การทำเว็บไซต์ยุคใหม่ที่หลาย ๆ คนกำลังอยากเรียนรู้ ซึ่งถ้าตอนนี้คุณกำลังศึกษามุ่งมั่นศึกษาการพัฒนา WordPress กันอยู่ล่ะก็เราจะพาคุณมาโฟกัสศัพท์และเรื้องที่คุณควรรู้เพื่อให้การทำงานของคุณลื่นไหลมากยิ่งขึ้นกัน ยุคนี้ยิ่งรู้เยอะและประยุกต์ใช้เป็นยิ่งทำให้คุณไปได้เร็วและไปได้ไกล ใครเป็นนักธุรกิจที่กำลังอยากสร้าง Branding มาเริ่มเรียนรู้ WordPress กันเลยดีกว่า

 

 

Dashboard จุดเริ่มต้นของการใช้ WordPress

นี่คือภาพแรกที่คุณจะได้เจอเมื่อเข้าสู่ระบบหลังบ้านของ WordPress ซึ่ง Dashboard นั้นจะทำการแสดงให้คุณได้เห็นภาพรวมของเว็บไซต์ของคุณ Welcome to WordPress! คำทักทายที่ต่อไปนี้จะเป็นประโยคที่คุณคุ้นเคยกันมากที่สุดเพราะคือประโยดต้อนรับที่อยู่ในหน้า Dashboard นั่นเอง

ซึ่งภายใน Dashboard นั้นจะแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันนั่นก็คือส่วน Home และส่วน Update นั่นเอง โดยในหน้า Home ก็จะแสดงรายการทำงานต่าง ๆ ทั้งการเพิ่มเรื่อง การตั้งค่าพื้นฐานต่าง ๆ แต่ในส่วนของการ Update นั้นจะมีเอาไว้เพื่อให้คุณตรวจสอบการอัพเดตของทั้ง WordPress, Plugin และ Theme ซึ่งคุณต้องหมั่น Backup ข้อมูลและอัพเดต WordPress อยู่เสมอเป็นเหมือนการดูแลบ้านของคุณให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

 

Posts ตัวกลางการสื่อสารของคุณ

ฟีเจอร์นี้จะเหมาะกับเว็บไซต์ข่าว บทความ Blog รีวิว แต่ถ้าคุณใช้งานในด้านอื่น ๆ ก็สามารถปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน โดยใน Post นั้นก็จะแยกย่อยออกเป็นอีก 4 เมนูด้วยกัน

  • All Post คือหน้าที่รวบรวมผลงานทั้งหมดของคุณเอาไว้
  • Add New การเพิ่มผลงานไม่ว่าจะเป็นโพสต์ ข่าว บทความ ก็สามารถเพิ่มได้ที่ฟีเจอร์นี้
  • Categories เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำงานของคุณนั้นเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นเพราะจะสามารถแยกหมวดหมู่ของโพสต์ต่าง ๆ ให้กับคุณได้
  • Tag เป็นสิ่งที่จะนำทางให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาถึงโพสต์ที่คุณส่งออกไปแน่นอนว่าในแต่ละโพสต์หรือบทความนั้นสามารถมีได้หลาย Tag อีกด้วย

 

เมนู Media ช่วยเติมสีสันให้ WordPress ของคุณ

ถ้ามีแค่ข้อความคงจะดูน่าเบื่อไปหน่อย ในบางครั้งถ้าคุณได้เพิ่มภาพ เสียง วีดีโอ หรือ Media อื่น ๆ ที่ทำให้ทำนองในการอ่านลื่นขึ้นก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดีและคุณสามารถทำทั้งหมดได้ในฟีเจอร์ Media นี้เอง

โดยไม่ว่าจะเป็นรูป, วีดีโอ ,ไฟล์ต่าง ๆ ทั้ง Word Excel หรือ PDF ก็สามารถใส่ลงไปได้ทั้งหมด และคุณยังสามารถแก้ไขเพื่อให้การใช้งานตรงใจคุณมากที่สุดได้อีกด้วย ซึ่งใน Media เองนั้นก็จะมีทั้ง Library และ Add New Library ให้คุณได้เลือกจัดหมวดหมู่ของสื่อตามที่คุณต้องการ

 

Page พระเอกของ WordPress

มาถึงพระเอกของงานกันแล้วถ้าจะทำเว็บแล้วไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจการใช้งาน Page อาจทำให้ WordPress ของคุณเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ฟีเจอร์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้คุณนั้นสามารถเริ่มสร้างหน้าเว็บได้จากตรงนี้ โดยจะแนะนำว่าคุณควรใส่สิ่งที่เป็นข้อมูลแต่ไม่ใช่ส่วนที่อัพเดตตลอดเวลา ส่วนนี้เป็นเหมือนหน้าบ้านคอยรับแขกและพาแขกไปเที่ยวส่วนต่าง ๆ ต่อนั่นเอง ซึ่งในหน้า Page ความสวยงามและดีไซน์คือสิ่งที่คุณต้องสนใจมากเป็นพิเศษ

Comment เพราะความเห็นของผู้ชมสำคัญ

ถ้าคุณสามารถรับรู้ Feedback ของคนที่เข้ามาเยี่ยมชม WordPress ของคุณได้นั้นเราก็เชื่อว่าคุณสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้และต่อยอดกับการทำการตลาดหรือพัฒนาเว็บไซต์ของคุณได้เป็นอย่างดีแน่นอน ยิ่งถ้าคุณสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ทางธุรกิจด้วยแล้วข้อมูลเหล่านี้มีค่ากับคุณมากเลยทีเดียว โดยจะมี Admin คอยจัดการ Comment เหล่านี้ได้ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่คุณจะวางตำแหน่งใครเอาไว้ในจุดนี้นั่นเอง

ทำให้คนสะดุดตาด้วย Appearance

การปรับแต่งทั้งหมดของเว็บไซต์มาถึงแล้ว คุณต้องการสีไหน อยากได้เมนูอะไรบ้าง แล้วส่วนหัวส่วนหางของเว็บไซต์จะเป็นอย่างไร การเข้าถึงข้อมูล และ WordPress Theme จะออกมาเป็นแบบไหน ในฟีเจอร์ Appearance คือสิ่งที่จะสามารถทำให้คุณได้ทั้งหมดที่พูดมา

ซึ่งภายใน Appearance นั้นก็จะมี Theme ให้คุณได้เลือกและยังสามารถใส่โค้ดเพื่อตกแต่ง Theme ให้มีความเฉพาะตัวมากขึ้น มีเมนู Customize ให้คุณปรับแต่งหน้าเว็บตามใจและเห็นกันแบบสด ๆ เลยว่าปรับแบบนี้จะออกมาแบบไหน และยังสามารถเพิ่ม Widgets ให้คุณตามที่ต้องการอีกด้วยเพราะจุดประสงค์และข้อมูลของแต่ละเว็บไซต์ไม่เหมือนกันนั่นเอง

 

 

Plugin สิ่งเติมเต็มที่ WordPress ขาดไม่ได้

ตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามาเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ ๆ นอกเหนือจากที่ WordPress มีไว้ให้กับคุณ ฟีเจอร์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกงานและทุกธุรกิจออกแบบเว็บมาให้ได้ใช้งานอย่างเหมาะสมมากที่สุด โดยถ้าเป็น Plugin เพิ่มเติมแบบพื้นฐานคุณสามารถเข้าถึงได้ฟรี แต่ถ้าแบบที่ขั้นสูงหรือ Premium มากขึ้นแล้วล่ะก็คุณจำเป็นที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่ม

นี่คือพื้นฐานของเมนูและฟีเจอร์ที่คุณควรรู้จักเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน WordPress กันอย่างเต็มรูปแบบ ข้อมูลเหล่านี้เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับการทำงานก็จะเข้าใจความสามารถของมันมากขึ้น และขอบอกเลยว่า WordPress นั้นยังมีหลายอย่างให้คุณได้แต่งแต้มอย่างอิสระ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ทุก ๆ วันจะมี WordPress เพิ่มขึ้นมากว่า 50,000 เว็บไซต์และดูเหมือนว่าสังคมนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนยังไม่มีวันสิ้นสุด รีบเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและให้ WordPress พาคุณเติบโตดีกว่า

ล้วงลึกช่องทางการทำ Website E-Commerce

ถ้าพูดถึงคำว่าเว็บไซต์หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วแต่พอเติมเข้ามาเป็น Website E-Commerce หลายคนอาจยังไม่เข้าใจแบบลึกซึ้งว่าคืออะไรกันแน่ แต่ยุคนี้จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ทำอะไรต้องทันเทรนหรือนำเทรนเสมอวันนี้เราเลยอยากมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ Website E-Commerce ให้ใครที่ยังไม่รู้ได้รู้จักกัน ส่วนใครที่พอจะคุ้นเคยอยู่บ้างแล้วก็ลองมาทบทวนวิชาแล้วนำทริคดี ๆ ไปต่อยอดกันดีกว่า มาดูกันว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Website E-Commerce จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง หยิบจุดไหนขึ้นมาทำให้ปังได้บ้าง ถึงเวลามาผันตัวเป็นเซียนกันแล้ว

Website E-Commerce คืออะไร?

ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องราวพื้นฐานสุด ๆ กันก่อนเลยดีกว่า เพราะการเข้าใจอะไรสักอย่างแบบลึกซึ้งจะช่วยทำให้คุณสามารถต่อยอดและผุดไอเดียใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ดีกว่า
ชื่ออย่างเป็นทางการของ Website E-Commerce ก็คือ เว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นั่นเอง และตามนั้นเลยว่าใช้เพื่อเป็นช่องทางสื่อให้กับบรรดาธุรกิจต่าง ๆ นั่นเอง ส่วนใหญ่ก็เน้นเพื่อให้ขายสินค้าได้ในงบประมาณการลงทุนที่ลดลงนั่นเอง เพราะบางธุรกิจไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีพนักงานเยอะ ไม่ต้องทำสื่อสิ่งพิมพ์ให้มากมายก็สามารถเริ่มกิจการได้ด้วยช่องทางนี้ แถมยังลดต้นทุนเวลาไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้อดีที่เหมาะกับยุคสมัยแบบนี้ทำให้ Website E-Commerce มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อนกันเลยทีเดียว ซึ่งยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไรแนวทางการพัฒนาก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ถ้าคุณทำธุรกิจก็ควรเข้าใจ Website E-Commerce อย่างลึกซึ้ง

 

Website E-Commerce คือตัวแทนของหลายอย่างในโลกธุรกิจ

การลดต้นทุนและเพิ่มยอดการขายน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องการ ซึ่งนี่ก็เป็นการบ้านที่ทุกธุรกิจต้องหาคำตอบในทุก ๆ วัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นโจทย์สำคัญที่จะนำพาคำตอบส่วนหนึ่งที่คุณต้องการมาไว้ตรงหน้าเรียบร้อยแล้วก็คือ Website E-Commerce นั่นเอง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าถ้าคุณมี Website E-Commerce ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถลดต้นทุนและทำให้เว็บไซต์นี้กลายเป็นตัวแทนอย่างมีประสิทธิภาพของอะไรได้บ้าง

1. แทนพนักงานในหลากหลายตำแหน่ง
อาจเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากหากคุณมีพนักงานอยู่แล้วแต่จำเป็นต้องให้ระบบ Website E-Commerce มาแทนในบางตำแหน่ง แต่ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นด้วย Website E-Commerce ตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ต้นทุนของคุณจะลดลงไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย พนักงานนับสต็อก หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็จะสามารถลดลงอยู่ในอัตราที่ต่ำเลยทีเดียว ซึ่งหมายความว่า Fix Cost ของคุณได้ลดลงอย่างสวยงามแล้ว

2. แทนหน้าร้านที่คุณต้องลงทุน
ระหว่างการเสียงบประมาณเพื่อทำ Website E-Commerce กับทำหน้าร้านเพื่อขายของมีงบประมาณที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากไหนจะเป็นค่าซ่อมบำรุงอีก การเริ่มต้นเปิดหน้าร้านบนช่องทางออนไลน์แบบนี้ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าในต้นทุนที่น้อยกว่าแถมยังสามารถลดข้อจำกัดในเรื่องของเวลาไปได้อีกแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ลองคิดดูว่าถ้าคุณอยากได้หูฟังไร้สายตอนตี 2 จะซื้อที่ไหนได้อีกถ้าไม่ใช่การซื้อผ่านช่องทางออนไลน์

3. แทนการเดินทางไปขายของ
Website E-Commerce เป็นตัวแทนแห่งการลดต้นทุนในหลาย ๆ เรื่องได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องของการเดินทาง เจ้าของกิจการหรือพนักงงานขายก็ไม่ต้องเดินทางไปขายเพียงแค่ใช้ข้อมูลบนหน้าเว็บบอกเล่าแทนและเพิ่มระบบบริการออนไลน์ผ่านการแชท ส่วนลูกค้าก็ไม่ต้องเปลืองน้ำมันหรือเสียเวลาไปที่ร้านค้าอยากได้อะไรก็แค่กดเข้าไปในเว็บทุกข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าถูกเตรียมเอาไว้ต้อนรับเป็นที่เรียบร้อย แบบนี้วินวินทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว

4. แทนระบบการจ่ายเงิน
เงินจะฝากเข้าสู่บัญชีของกิจการแบบอัตโนมัติ สามารถตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ลดเรื่องของข้อผิดพลาดลงไปได้เยอะเลยทีเดียว

5. แทนสื่อสิ่งพิมพ์ที่อาจสร้างมลภาวะ
ลูกค้าสามารถดูข้อมูลสินค้าผ่านทางหน้าเว็บไซต์ได้เลยและเป็นคนที่สนใจในสินค้าของคุณจริง ๆ เสียด้วย การคลิกดูข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้ายังสามารถสร้างฟีเจอร์เพื่อเก็บสถิตินำมาใช้วิเคราะห์ทางการตลาดได้อีกด้วย มีข้อดีกว่าการแจกใบปลิว แคตาล็อกไปทั่ว ๆ โดยอาจถูกโยนทิ้งถ้าไปอยู่ในมือของคนที่ไม่ได้สนใจสินค้าของคุณ

 

 

ถ้าจะทำ Website E-Commerce ต้องโฟกัสอะไรบ้าง?

1. เข้ามาแล้วต้องซื้อง่าย ขายคล่อง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสบายตาเป็นเรื่องสำคัญ การเข้าเว็บไซต์เพื่อไปซื้อของแล้วเจอข้อมูลอ่านง่าย ภาพสวย มีฟีเจอร์แนะนำเปรียบเทียบที่น่าสนใจ คลิกไปส่วนต่าง ๆ ได้แบบไม่งงเพราะมีการจัดหมวดหมู่ที่ดี การใช้เว็บเป็นไปอย่างลื่นไหล มีส่วนทำให้ลูกค้ามีความสุขและซื้อสินค้าของคุณได้มากขึ้น ดังนั้นการใส่ใจกับส่วนนี้เป็นอันดับแรกจะช่วยทำให้การขายของคุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

2. ไม่ใช่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์แต่ทุกหน้าจอต้องสะดวก

ไลฟ์สไตล์ตอนนี้เป็นที่รู้กันดีว่ามีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมาหลากหลาย การดีไซน์หน้าเว็บให้สามารถดูได้อย่างสะดวกสบายในทุกอุปกรณ์มีส่วนช่วยให้คุณขายดีขึ้นได้ แถมถ้าคุณพัฒนา Website E-Commerce ให้เป็น Responsive Website ได้ก็มีประโยชน์พ่วงมาคือการติดอันดับการค้นหาใน Search Engine อันดับ 1 อย่าง Google นั่นเอง

3. ภาพชัดขายง่าย

แม้ของคุณจะดีจริงแต่ถ้าถ่ายภาพออกมาได้ไม่น่าสนใจอาจทำให้ยอดขายไม่เป้นไปอย่างที่คิด อย่าลืมว่าการซื้อของออนไลน์ลูกค้าไม่ได้สัมผัสและเจอสินค้ากับตัว การถ่ายรายละเอียดให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับตาเห็นถึงจุดเด่นและความสวยงามช่วยเพิ่มยอดการสั่งซื้อเข้ามาได้ แถมรูปยังสามารถนำไปโฆษณาในพื้นที่ออนไลน์อื่น ๆ ได้อีกด้วย การถ่ายภาพที่สวยงามถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

 

คุณต้องการเป็น Website E-Commerce แบบไหน?

หลัก ๆ แล้ว Website E-Commerce จะมีด้วยกัน 5 แบบคือ Business to Consumer – B2C, Business to Business – B2B, Consumer to Consumer – C2C, Business to Government – B2G และ Government to Consumer -G2C แต่ที่น่าจะเป็นสิ่งที่เว็บทั่วไปทำก็คือ 3 แบบนี้

 

1. Business to Consumer – B2C คือ คนขายเจอกับลูกค้าโดยตรง แน่นอนว่านี่คือรูปแบบของ Website E-Commerce ที่นิยมทำกันมากที่สุด เน้นการค้าขายทั่วไปไม่มีความซับซ้อนมากเท่าไรนัก ใคร ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้

 

2. Business to Business – B2B คือ คนขายทำการซื้อขายกันเอง ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการซื้อขายวัตถุดิบ อุปกรณ์ต่าง ๆ และมักจะดีลกันระยะยาว ซึ่งเมื่อทำการซื้อขายผ่าน Website E-Commerce ช่วยให้ขั้นตอนหลาย ๆ อย่างลดลงและง่ายดายขึ้นได้

 

3. Consumer to Consumer – C2C คือ การที่ลูกค้าซื้อขายกันเอง มักจะเน้นการแลกเปลี่ยนทั้งทางข้อมูลและสินค้า อย่างเช่น ขายกระเป๋า รองเท้า ของสะสมหายาก เรียกว่าเป็นการรวมกลุ่มคนคอเดียวกันก็ว่าได้

 

นี่คือ 3 แบบหลัก ๆ ที่พวกเราเน้นใช้เพื่อทำ Website E-Commerce ที่เหลือจะเป็นองค์กรภาพรัฐซึ่งอาจมีรายละเอียดมากกว่า ดังนั้นวันนี้คุณลองวางตำแหน่งว่าคุณจะเป็นใครและซื้อขายกับใครแล้วเริ่มลุยตลาด Website E-Commerce กันเลยดีกว่า

รวมฟีเจอร์ใน LINE Official Account ที่สายออนไลน์ต้องไม่พลาด

line official account

แอพพลิเคชั่น LINE กลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการติดต่อสื่อสารที่เป็นพื้นฐานของพวกเราแทบทุกคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและทาง LINE เองก็ได้ทำการพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพิ่มเพื่อให้ฝั่งธุรกิจได้ใช้งานติดต่อสื่อสารกับลูกค้ากันอย่างเป็นทางการบ้าง โดยมาในชื่อ LINE Official Account หรือ LINE OA นั่นเอง ซึ่งสำหรับมือใหม่หัดใช้ LINE Official Account อาจสงสัยกันว่ามีความต่างจาก LINE ปกติอย่างไรและสงสัยว่า LINE Official Account เสียเงินไหมหรือ LINE Official Account บน PC สามารถใช้งานได้หรือไม่ ทุกข้อสงสัยและสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นนี้เราได้เตรียมเอาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว

 

LINE Official Account เข้ามาช่วยอะไรคุณได้บ้าง

นี่คือแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจและองค์กรสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรงในรูปแบบที่เป็นทางการมากที่สุด โดยการสื่อสารแบบนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือไปพร้อมกับการสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าในเวลาเดียวกัน และถ้าจะต้องมาเน้นข้อดีหลัก ๆ ของ LINE OA ก็ต้องเน้นมาที่สิ่งเหล่านี้เลย

1. ฟรี
คำตอบสำหรับคำเดียวสั้น ๆ กับคำถามที่เรามักเจอกันบ่อยที่สุดว่า LINE Official Account เสียเงินไหมก็คือ “ฟรี” คุณสามารถดาวน์โหลดแอพฯ นี้มาใช้งานกันได้ฟรี ๆ แถมยังเข้าถึงหลากหลายฟีเจอร์ในการสื่อสารกับลูกค้าได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

2. ช่วยจัดหมวดหมู่การแชทได้ดีขึ้น
ก่อนที่หลาย ๆ คนจะเข้ามาใช้ LINE Official Account ก็น่าจะเคยใช้ LINE@ กันมาแล้วบ้างซึ่งหลายคนต้องเจอกับปัญหาความสับสนของแชทลูกค้าจนมีผลไปถึงออเดอร์และการติดต่อได้ แต่เมื่อได้มาใช้ LINE Official Account แล้วจะมีฟีเจอร์อย่าง TAG User เข้ามาเพิ่มให้คุณสามารถแยกประเภทของการแชทได้ เช่น ต้องดำเนินการ ดำเนินการแล้ว รวมทั้งใส่ข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าเพื่อให้ง่ายต่อการทำงานเป็นองค์กรได้อีกด้วย

3. ถามบ่อยก็ตอบได้อย่างมาตรฐาน
คนทำธุรกิจหลายคนอาจมีโอกาสเจอกับคำถามซ้ำ ๆ กันอยู่บ้างซึ่งบางครั้งก็อาจต้องมาไล่ตอบคำถามเดิม ๆ ทำให้เปลืองต้นทุนด้านเวลาไปไม่น้อย ทำให้ฟีเจอร์ FAQ จาก LINE Official Account มีประโยชน์กับคุณมาก เพราะคุณสามารถระบุชุดคำตอบเอาไว้และกดส่งให้ลูกค้าได้เลยทำให้เร็วทันใจทั้งคุณและลูกค้าแถมทางแอพฯ ยังเพิ่มชื่อ User ลงไปในคำตอบของคุณแบบอัตโนมัติอีกด้วย

4. ทำให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลของธุรกิจง่ายขึ้น
ด้วยฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Card Message ที่เหมาะกับการนำเสนอข้อมูลธุรกิจในแบบต่าง ๆ ทั้ง Product, Places, People และ Pictures โดยคุณสามารถเลือกใช้และออกแบบให้เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุดได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการข้อมูลกันอยู่แล้ว ช่วยลดต้นทุนด้านเวลาและลดความผิดพลาดในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี

ฟีเจอร์เด็ดไม้ตายของ LINE Official Account

  • Greeting Message

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนเรื่องเวลาให้กับคุณได้เป็นอย่างดี เพราะจะทักทายต้อนรับลูกค้าให้กับคุณแบบอัตโนมัติ โดยคุณสามารถที่จะใส่ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าได้ ฟีเจอร์นี้จะทำการใส่ชื่อลูกค้าให้คุณอัตโนมัติและยังให้คุณสามารถเพิ่มรูปภาพเข้าไปทำให้ข้อความนี้น่าสนใจมากขึ้นได้ และยังสามารถแจกคูปองส่วนลดหรือรางวัลให้กับลูกค้าได้ในฟีเจอร์นี้อีกด้วย บอกเลยว่าสามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี

 

  • 1 On 1 Chat

เราจะมาเจาะลึกฟีเจอร์ TAG User กันเพิ่มเติมเพราะนี่คือสิ่งที่จะทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มที่สุดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าบริการที่ลูกค้ากลุ่มนี้กำลังสนใจ นี่คือลูกค้าเก่าหรือใหม่ รวมทั้งใครเป็นทีมงานแอดมินที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าคนนี้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างจะช่วยให้การประสานงานและการประชาสัมพันธ์เป็นไปได้ง่ายดายและแม่นยำมากขึ้น

 

ซึ่ง TAG จะทำให้คุณสามารถ Broadcast เพื่อกระจายข้อมูลต่าง ๆ ไปยังลูกค้าแต่ละคนได้ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพราะคุณสามารถโปรโมทสินค้าใหม่ ๆ ด้วย Broadcast Card Message แจ้งโปรโมชั่นให้ลูกค้าใหม่ด้วย Broadcast Promotion รวมทั้งแจกรางวัลให้กับลูกค้าเก่าที่เป็นขาประจำของคุณด้วย Reward Card เป็นต้น เพราะทุกการ Broascast มีต้นทุนดังนั้นการส่งสารไปถูกคนที่สุดช่วยให้การลงทุนของคุณคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

 

  • Rich Menu

ฟีเจอร์นี้จะเรียกว่าเป็นทางลัดให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลที่ทางแบรนด์ต้องการจะสื่อได้เร็วขึ้นก็ว่าได้ โดยคุณสามารถสร้างตัวเลือกต่าง ๆ ได้มากถึง 6 ตัวเลือกว่าหลักจากคลิกแล้วจะให้ลูกค้าไปที่ไหนต่อ เช่น ลิงค์ไปยังโปรโมนชั่นประจำวัน, ไปยังบัตรสะสมแต้ม, ค้นหาสาขาของร้านค้าของคุณ เป็นต้น
LINE Official Account สมัครอย่างไรและเสียเงินไหม

 

สำหรับแอพพลิเคชั่นนี้คุณสามารถโหลดมาใช้งานและเข้าถึงฟีเจอร์พื้นฐานต่าง ๆ ที่เราพูดมาได้แบบฟรี ๆ แต่จะมีการคิดค่าบริการเพิ่มขึ้นเมื่อคุณต้องการบางฟีเจอร์เพิ่มอย่างเช่น การเปลี่ยน User ID ให้กลายเป็นแบบ Premium ซึ่งคุณสามารถกำหนดชื่อได้เอง และยังมีราคาแพ็คเกจแบบรายเดือนมาให้คุณได้เลือกสำหรับการเข้าถึงลูกค้าให้ตรงกลุ่มขึ้นทั้ง การ Broadcast ข้อความ, การโพสต์ Timeline, การเพิ่มจำนวนแอดมินที่ดูแลลูกค้าได้ตั้งแต่ 20-100 คน, Rich Menu, ข้อความภาพและเสียง เป็นต้น โดยราคาสำหรับการเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ เพิ่มก็จะเริ่มที่ 198 บาท ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ตามเป้าหมายของคุณกันได้เลย

 

LINE Official Account Manager ใช้งานอย่างไร

วิธีการใช้งาน LINE Official Account นั้นก็เริ่มจากการดาวน์โหลดปกติและมีทั้ง LINE Official Account บน PC รวมทั้งบนสมาร์ทโฟนให้คุณได้เลือกซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถเชื่อมต่อกันได้ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับคุณมากขึ้นไปอีกระดับ หลังจากนั้นคุณก็ทำการ LINE Official Account สมัครลงทะเบียนและเริ่มใช้งานกันได้เลย การใช้งานทั่วไปไม่ต่างจาก LINE ส่วนตัวที่คุณคุ้นเคยแต่เป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง

 

สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะใช้ LINE Official Account ดีไหมคุ้มค่าหรือเปล่า วันนี้เราได้ขนคำตอบมาไว้ให้คุณที่นี่เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าถ้าคุณกำลังเริ่มทำธุรกิจหรืออยากเพิ่มความเป็นทางการน่าเชื่อถือให้กับงานของคุณมากขึ้นการเลือกใช้ LINE Official Account มีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี และมีความคุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างแน่นอน

มือใหม่ก็ทำ E-Commerce ได้

ต้องยอมรับเลยว่าวงการ E-Commerce นั้นเป็นสิ่งที่มีมานานพอสมควรแล้ว ทำให้มือใหม่หลายคนอาจจะยังเกรงว่าถ้าเข้ามาในวงการตอนนี้จะตามรุ่นพี่ไม่ทัน แต่วันนี้เราขอบอกเลยว่าไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่แค่ไหนเพียงแค่มีใจรักก็สามารถเติบโตในตลาดนี้ได้เช่นเดียวกัน เราเลยจะขอสรุปขั้นตอนในการทำ E-Commerce แบบคร่าว ๆ มาให้คุณได้ลองนำไปปรับใช้ บอกได้เลยว่านี่คือเทคนิคที่เหล่าเซียน E-Commerce ได้การันตีมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ตลาดขาดอะไร E-Commerce ต้องเติมเต็ม

หลักการที่ง่ายดายที่สุดที่จะทำให้คุณขายของได้ก็คือการรู้ความต้องการของตลาด เราเชื่อเลยว่าคุณ พอจะเข้าใจประโยคนี้กันดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไร ซึ่งเป็นข้อดีของโลกออนไลน์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะจะมีข้อมูลที่ทำการวิเคราะห์เอาไว้อย่างแม่นยำเตรียมไว้ให้คุณค้นหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งถ้าคุณเริ่มจับจุดได้และเริ่มทำ Website E-Commerce ไประยะหนึ่งแล้วเว็บไซต์ของคุณก็จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ตรงกลุ่มคุณมากขึ้นออกมาให้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าจะพูดกันถึงจุดเริ่มต้นที่คุณจะได้ข้อมูลชุดแรกมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างเว็บไซต์ก็ต้องขอบอกเลยว่านอกจากข้อมูลที่ได้รับการวิเคราะห์มาอย่างเป็นทางการแล้ว คุณยังจำเป็นที่จะต้องตามเทรนด์ให้ทันโดยอาจจะเข้าเว็บไซต์และเว็บบอร์ดต่าง ๆ เพื่อที่จะค้นหาปัญหา จากนั้นก็ลองนำปัญหาเหล่านั้นมาค้นหาให้ลึกลงไปอีกด้วยตัวเองสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณค้นพบสิ่งใหม่แต่อาจต้องใช้เวลาพอสมควร และถ้าเริ่มจับจุดได้ก็ต้องมาต่อกันที่การเริ่มวิเคราะห์คู่แข่งเพื่อที่จะทำให้คุณสร้างเว็บไซต์ออกมาได้มีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเอง

 

วางตำแหน่งของ Website E-Commerce ของคุณ

การค้นหาคู่แข่งให้เจอเป็นเรื่องสำคัญแต่การค้นหาตัวเองให้เจอเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า หลังจากที่คุณได้ไอเดียหลักในการพัฒนาเว็บไซต์แล้วคุณก็จำเป็นที่จะต้องมานั่งคุยกับตัวเองแล้วว่าต้องการจะวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นอย่างไร

จากนั้นคุณต้องเริ่มบางโครงของการ Website E-Commerce ให้เป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้นแน่นอนว่าคุณจำเป็นจะต้องค้นหาข้อความและหัวข้อในการนำเสนอที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่จะทำให้คุณขายสินค้าได้ดีที่สุดก็คือการนำเสนอว่าสินค้าของคุณสามารถแก้ไขปัญหาหรือให้ประโยชน์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง และวางแผนในการนำเสนอสินค้าให้ดูน่าเชื่อถือรวมทั้งสะดุดตาสะดุดใจมากที่สุด

ในช่วงแรกสิ่งที่คุณควรทำคือการเสนอโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้า ซึ่งหลังจากที่คุณสามารถทำได้สำเร็จสิ่งที่ยากที่สุดคือการรักษาลูกค้าเอาไว้นั่นเอง

การดีไซน์ Website E-Commerce ให้ปัง

มือใหม่ในวงการจำเป็นที่จะต้องใส่ใจในเรื่องของการออกแบบเว็บไซต์มาเป็นอันดับต้น ๆ เพราะคุณยังเป็นหน้าใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จักและสิ่งที่จะทำให้คนสนใจคุณได้ง่ายและเร็วที่สุดก็คือหน้าเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง ซึ่งถ้าคุณวางแผนการดีไซน์ได้น่าสนใจรวมทั้งทำให้การอยู่ในเว็บไซต์ลื่นไหลได้มากเท่าไรก็จะยิ่งทำให้คนเข้าถึงสินค้าและบริการที่คุณต้องการขายมากขึ้นเท่านั้น

สิ่งที่คุณควรรู้คือคุณมีเวลาเพียง 3-5 วินาทีเท่านั้นที่จะสร้างความประทับใจครั้งแรกให้กับลูกค้า ถ้าคุณทำไม่ได้บอกเลยว่ามีโอกาสสูงมากที่ลูกค้าจะกดออกจากเว็บไซต์ของคุณ และหลังจากที่เขาลองเปิดใจอยู่กับเว็บไซต์ของคุณแล้วคุณจะต้องดึงให้เขาอยู่ต่อด้วยความลื่นไหลในการไปสู่จุดต่าง ๆ ของเว็บ สิ่งที่ควรทำคือลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไปให้มากที่สุด และถ้าลูกค้าต้องการซื้อคุณควรทำให้ทุกอย่างจบภายในไม่เกิน 2 คลิกเท่านั้น

 

SEO เป็นเหมือนหน้าร้านของ Website E-Commerce

ถ้าคุณอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงการที่มีทำเลร้านอยู่ใจกลางเมือง มีรถสัญจรไปมาและผู้คนผ่านเยอะนั่นคือสิ่งที่ทำให้คนเห็นร้านคุณและเข้ามาซื้อสินค้าพร้อมใช้บริการ แต่ถ้าบนโลกออนไลน์การติดอันดับ SEO และทำให้คนค้นหาผ่าน Search Engine เจอคือสิ่งที่จะทำให้คนเข้ามาหาร้านของคุณมากที่สุด

เราแนะนำว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าถ้าคุณจะใช้การโฆษณาที่คนทำ Website E-Commerce นิยมกันมากที่สุดอย่าง Pay Per Click คุณจะได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ Google แน่นอนว่าคนจะรู้จักคุณมากขึ้นง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ถ้าในตอนนี้คุณกำลังตัดสินใจที่จะทำ Website E-Commerce แล้วล่ะก็เราอยากให้คุณลองนำเทคนิคที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ไปปรับใช้กับการทำงานของคุณเพื่อที่จะสามารถค้นหาสิ่งที่คุณต้องการในการทำเว็บไซต์และสิ่งที่จะทำให้คุณได้เงินจากการทำเว็บไซต์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในตอนนี้หมุนในแบบออนไลน์เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการค้าขาย ในปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งการเชื่อมต่อที่ไร้พรมแดนนี้ ตอนนี้คุณอาจจะกำลังตามเทรนด์แต่ถ้าคุณตั้งใจและศึกษาให้ดีในอนาคตคุณอาจจะกลายเป็นคนที่นำเทรนด์ในตลาดของ Website E-Commerce ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าให้คำว่ามือใหม่มาขวางกั้นคุณเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เพราะโลกของ Website E-Commerce กว้างกว่าที่คุณคิด